วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559

Part of Speech

Noun (คำนาม)

คำนาม (noun)  คือ คำที่ใช้เรียกชื่อคน สัตว์ สิ่งของ และนามธรรม แบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ได้แก่ คำนามเอกพจน์และพหูพจน์ คำนามทั่วไปและคำนามเฉพาะ คำนามที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม คำนามนับได้และนับไม่ได้ และคำนามที่กล่าวถึงสิ่งต่างๆ ในลักษณะเป็นกลุ่ม เช่น student, policeman, dog, snake, airport, river, television, sugar, love 
ประเภทของคำนาม

1. common noun (คำนามทั่วไป)
เป็นคำที่ใช้เรียกชื่อคน  สัตว์   สถานที่  สิ่งของ  สภาวะทั่วๆ ไปความคิด (person, animal, place, thing, idea) โดยไม่เฉพาะเจาะจง กล่าวโดยสรุปคือ คำนามทั้งหลายที่ไม่ใช่ proper nouns คือ common nouns เช่น
สิ่งของ       :   sign, table, hill, water, sugar, atom
สถานที่      :   city, hill, road, stadium, school, company
เหตุการณ์   :   revolution, journey, meeting
ความรู้สึก   :   fear, hate, love
เวลา         :   year, minute, millennium
Occupations
คำนามที่เกี่ยวกับอาชีพ
musician
นักดนตรี
carpenter
ช่างไม้
vet
สัตวแพทย์
farmer
ชาวนา
Animal Nouns
คำนามที่เกี่ยวกับสัตว์
horse
ม้า
snake
งู
mosquito
ยุง
tiger
เสือ
Fruit & vegetables คำนามที่เกี่ยวกับผักผลไม้
pineapple  สับปะรด
water-melon  แตงโม
corn
ข้าวโพด
carrot
หัวผักกาด
Things in a house คำนามที่เกี่ยวกับสิ่งของ
stove
เตา
refrigerator  ตู้เย็น
bed
เตียง
cell phone  โทรศัพท์
Clothes
คำนามที่เกี่ยวกับเสื้อผ้า
trousers  กางเกง
skirt
กระโปรง
socks
ถุงเท้า
shoes
รองเท้า
2. proper noun (นามเฉพาะ)
จะต้องขึ้นต้นด้วยตัวใหญ่เสมอไม่ว่าจะอยู่ที่ใดของประโยค
1. เป็นคำนามที่เป็นชื่อเฉพาะของ Common Noun เช่น
·       Person Name (ชื่อคน) เช่น   Somsak , Tom, Daeng
·       Place Name (ชื่อสถานที่) เช่น   Australia, Bangkok, Sukhumvit Road, Toyota
·       Time name (ชื่อบอกระยะเวลา) เช่น Saturday, January, Christmas
2. Proper Nouns จะต้องเขียนขึ้นต้นด้วยตัวใหญ่ (Capital letter)
3. Proper Nouns ปกติจะไม่มี determiner นำหน้า นอกจากอยู่ในรูปของพหูจน์ เช่น
·       the United States
    4. เปรียบเทียบระหว่าง common nouns และ proper nouns
Common Nouns
Proper Nouns
dog
Lassie ( ชื่อของสุนัข )
boy
Jack ( ชื่อของเด็กชาย)
car
Toyota ( ชื่อยี่ห้อรถ )
month
January ( ชื่อของเดือน)
road
Sukhumvit ( ชื่อถนน )
university
Chulalongkorn ( ชื่อมหาวิทยาลัย)
ship
U.S.S. Enterprise ( ชื่อเรือ )
country
Thailand (ชื่อประเทศ )
ข้อสังเกต
  1. คำนามที่เขียนขึ้นต้นด้วยอักษรตัวใหญ่ (Capital Letter) มักจะเป็นคำนามเฉพาะ (Proper Nouns) เช่น
·       Bangkok is a capital of Thailand. (กรุงเทพฯเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย)
(ตัวที่พิมพ์ด้วยตัวหนาเป็นคำนามเฉพาะ)
  2. คำนามที่เขียนด้วยอักษรตัวเล็ก มักจะเป็นคำนามทั่วไป (Common Nouns)
·       the students are playing table-tennis. (นักเรียนกำลังเล่น เทนนิส)
·       my mother is a nurse. (แม่ของฉันเป็นพยาบาล)
(ตัวที่พิมพ์ตัวหนา เป็นคำนามทั่วไป)

3. Countable noun (คำนามนับได้)
คือ คำนามที่นับจำนวนได้  มีรูปเอกพจน์  (singular form)  และรูปพหูพจน์ (plural form) เป็นนามที่สามารถแยกนับจำนวนหนึ่ง สอง สาม... ได้ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีรูปร่างก็ได้
มีรูปร่าง (สามารถสัมผัสได้ ) : เช่น dog, chair , tree, school, country, student, biscuit
ไม่มีรูปร่าง ( ไม่สามารถสัมผัสได้ ) : เช่น  day , month, year, weekend, journey
กิจกรรม : job, assignment
เอกพจน์: เช่น dog, country, day, year                                                                     
พหูพจน์ :   เช่น  dogs, countries, days, years
การเปลี่ยนรูปเอกพจน์เป็นรูปพหูพจน์มีดังนี้
    กลุ่มที่  1  คำนามส่วนมาก เติม  ที่รูปเอกพจน์เมื่อต้องการรูปพหูพจน์ เช่น คำต่อไปนี้
Singular Form
Plural Form
Boy
boys
Table
tables
Teacher
teachers
    กลุ่มที่  2  คำนามที่ลงท้ายด้วย  o, ch, s,  ss, sh, x,  และ ต้องเติม  es 
Singular Form
Plural Form
Potato
potatoes
Watch
watches
Bus
buses
Glass
glasses
Brush
brushes
ข้อยกเว้น 
1.  คำที่ลงท้ายด้วย  เช่น buffalo  ใช้ได้ 2 แบบ คือเติม  es  ดังนี้  buffaloes หรือใช้รูปเดิมก็ได้ คือ buffalo
2.  คำนามที่ลงท้ายด้วย  ที่มาจากภาษาอื่น หรือคำที่เป็นคำย่อ ให้เติม s เท่านั้น  เช่น  คำต่อไปนี้
     kilo = kilos                         photo = photos
     piano = pianos                  dynamo = dynamos                               
กลุ่มที่  คำนามที่ลงท้ายด้วย  โดยอักษรที่นำหน้า  เป็นรูปพยัญชนะต้องเปลี่ยน  เป็น  ก่อนเติม  es  เช่น
Singular Form
Plural Form
baby
babies
country
countries
fly
flies
แต่คำนามที่ลงท้ายด้วย  โดยอักษรที่นำหน้า  เป็นรูปสระ  ให้เติม  เช่น
                   boy = boys            monkey = monkeys
กลุ่มที่  4  คำนามที่ลงท้ายด้วย หรือ  fe  ต้องเปลี่ยน หรือ  fe  เป็น  ves  เช่น 
Singular Form
Plural Form
loaf
loaves
leaf
leaves
wife
wives
half
halves
thief
thieves
กลุ่มที่  5  คำนามต่อไปนี้มีรูปพหูพจน์เฉพาะ โดยเปลี่ยนภายในคำ เช่น
Singular Form
Plural Form
man
men
woman
women
foot
feet
tooth
teeth
goose
geese
mouse
mice
louse
lice
child
children
4. Uncountable noun (คำนามนับไม่ได้)
    1. คำนามที่เรียกสิ่งที่นับจำนวนไม่ได้หรือไม่สามารถแยกนับเป็นหนึ่ง สอง สาม ฯลฯ ได้ เช่น
water (น้ำ)
sugar (น้ำตาล)
milk (นม)
jam (แยม)
oil (น้ำมัน)
dust (ฝุ่น)
sand (ทราย)
air (อากาศ)
salt (เกลือ)

2. คำนามที่บอกการกระทำ (action) คุณสมบัติ (quality) หรือ สภาพ (state) ซึ่งไม่มีตัวตน จับต้องไม่ได้    เรียกว่า อาการนาม (abstract noun) ซึ่งสามารถศึกษารายละเอียดได้ในเรื่อง อาการนาม เช่น information (ข้อมูล), advice (คำแนะนำ) เป็นต้น
    3. คำนามที่เป็นชื่อวิชาหรือชื่อกีฬา เช่น
history (ประวัติศาสตร์)
geography (ภูมิศาสตร์)
psychology (จิตวิทยา)
tennis (เทนนิส)
golf (กอล์ฟ)
baseball (กีฬาเบสบอล)
5. Collective noun (สมุหนาม)
เป็นนามที่อยู่รวมกันเป็นหมู่เป็นพวก เช่น
family (ครอบครัว)
team (ทีม)
company (บริษัท)
army (กองทัพบก)
government (รัฐบาล)
committee (กรรมการ)
จะใช้กริยาเป็นเอกพจน์ก็ได้ แล้วแต่ความหมาย ถ้าหมายถึงกลุ่มเดียว (unit) ก็ใช้กริยาเป็นเอกพจน์ ถ้าหมายถึงจำนวนแยกแยะรายตัวบุคคล (individual) ก็ใช้กริยาเป็นพหูพจน์
The committee has agreed on a plan. (คณะกรรมการทั้งคณะเห็นพ้องกันในแผนการ)
The committee have not agreed on the plan. (คณะกรรมการแต่ละคนไม่มีความเห็นพ้องกันในแผนการ)

6. Abstract Noun (อาการนาม)
ได้แก่คำนามที่เรียกสิ่งที่ไม่มีรูปร่าง เช่น honesty คำนามประเภทนี้เป็นคำนามที่บอกการกระทำ (action) คุณสมบัติ (quality) หรือสภาพ (state) ซึ่งไม่มีตัวตนที่จับต้องได้ อาการนามเป็นคำนามที่นับไม่ได้  เช่น
shopping  (ช้อปปิ้ง)
camping (แคมป์ปิ้ง)
ability (ความสามารถ)
decision (การตัดสิน)
hope (ความหวัง)
horror (ความน่ากลัว)
poverty (ความยากจน)
richness (ความร่ำรวย)
Knowledge (ความรู้)
7. คำนามที่เป็นรูปธรรม (Concrete Noun)
คำนามวัตถุ / คำนามที่ใช้เรียกสิ่งที่เป็นรูปธรรม  (material noun / concrete noun) คำนามประเภทนี้เป็น mass noun เป็นคำนามที่เรียกสิ่งของที่มีรูปร่าง อยู่เป็นกลุ่มก้อน แต่นับไม่ได้ ต้องระบุจำนวนมากน้อยโดยบอกเป็นปริมาณ และเป็นคำนามที่บ่งบอกถึงเนื้อวัตถุ จะมีรูปเป็นเอกพจน์และใช้กับกริยาเอกพจน์เสมอ เช่น  rice, soap, gold, water, wood
คำนามวัตถุจะไม่ใช้คำกำกับนาม a/an  นำหน้า  เช่น
·       Rice is grown in Thailand.
·       Gold is very expensive these days.
วิธีระบุปริมาณของคำนามวัตถุ ต้องใช้ common noun  มาช่วยแสดงปริมาณโดยใช้รูปแบบกลุ่มคำ ดังนี้ (common noun + of + material noun)  เช่น
a glass of water
a jug of milk
a cup of tea 
a loaf of bread
a bar of soap  
a cube of sugar
a piece of paper
a bag of rice
วิธีทำเป็นพหูพจน์ ต้องเปลี่ยนที่ common noun ดังนี้
·       He drinks two glasses of milk every morning.
·       She bought three loaves of bread.
·       Please give me five pieces of writing paper.
คำนามวัตถุจัดเป็นประเภทได้ดังนี้
พวกที่เป็นอาหาร ได้แก่  ประเภทเนื้อและพืชผลต่างๆ เช่น
meat (เนื้อ)
pork (เนื้อหมู)
bread (ขนมปัง)
fish (ปลา)
beef (เนื้อวัว)
cheese (ชีส)
พวกที่เป็นสารธรรมชาติและแร่ธาตุต่างๆ เช่น
gold (ทอง)
iron (เหล็ก)
cement (ปูนซีเมนต์)
silver (เงิน)
oxygen (ออกซิเจน)
stone (หิน)
8. Compound Nouns (คำนามผสม)
คำนามผสมเป็นการเอาคำตั้งแต่สองคำขึ้นไปมาผสมกันซึ่งเป็นการผสมระหว่าง
1.noun +noun
                    girl + friend = girlfriend เพื่อนหญิง
          2. verb + noun
                    work + man = workman กรรมกร
          3. noun + verb
                    hair + cut = haircut การตัดผม
          4. verb + prep.( Preposition)
                    hold + up = holdup การปล้น
          5. adj.( adjective)+ noun
                    green +house = greenhouse เรือนกระจก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น